บทความสุขภาพ : Good Night สุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการนอน

Good Night สุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการนอน

 

บทความสุขภาพ วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง Good Night สุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการนอน (e-magazine)

          การนอนหลับนั้นเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกาย ปัญหาการนอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หรือการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าเพราะความเครียดที่สะสมหรือการทำงานหนัก อาจเป็นภัยร้ายที่คุกคามคุณแบบไม่รู้ตัว การอดนอนหรือการพักผ่อนน้อยเกินไปมันส่งผลต่อสุขภาพของคุณในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะคนบ้างานที่คิดว่า "งานหนักไม่เคยฆ่าใคร"

 Q: ปัญหาที่จะเกิดขึ้นสำหรับคนอดนอนมีอะไรบ้าง

           A : การอดนอนบ่อย ๆ หรือนอนดึกหลายวันติดกัน อย่างแรกเลยจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ร่างกายจะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้และมันทำให้คุณเกิดโรคร้ายได้ง่ายขึ้น จะสูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกร๊ธ ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะหลับ ซึ่งโกร๊ธ ฮอร์โมนจะช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ สร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหารและซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ 

          ดังนั้น หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ ผิวหนังจะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยตีนกาบนใบหน้า หรือรอยคล้ำ ที่เรียกว่าหมีแพนด้า อาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะกับบุคคลที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วยิ่งอันตรายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคหืดหอบ โรคปวดหัวข้างเดียว พักผ่อนน้อย อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ระบบการย่อยจะเสียสมดุล ทำให้ระบบการย่อยของคุณทำงานหนักขึ้น จากปกติการย่อยของคุณต้องใช้เวลาการทำงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 เพื่อจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดหลังกินคาร์โบไฮเดรต การมีระดับน้ำตาลค้างในเลือดนาน ๆ จะทำให้แก่เร็ว มีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของโรคทางเดินอาหารหรือลำไส้ได้ 

          หากคุณคิดว่าการอดนอนเป็นเรื่องปกติสำหรับคุณแล้ว อยากให้ลองคิดใหม่ ผลวิจัยทางการแพทย์บอกไว้ว่า หากคุณอดนอน 1 คืน เซลล์ที่เป็นป้อมปราการต้านเนื้องอกจะอ่อนแอลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงอัตราการเสี่ยงในเรื่องของโรคมะเร็ง ทั้งยังทำให้ความจำและการทำงานของสมองแย่ลง และหากอดนอนนาน 1 สัปดาห์ (กรณีนอนวันละ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ) ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นในการควบคุมปริมาณกล้ามเนื้อและไขมันน้อยลง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น จากที่คิดว่าวันหนึ่งทำงานได้เพิ่มขึ้นมีผลงานมากขึ้นกว่าคนที่นอนปกติ อาจจะกลายเป็นว่าคุณนั่นแหละที่จะมีระยะเวลาสั้นกว่าคนอื่นที่นอนเต็มอิ่ม

 Q: เป็นคนที่นอนไม่ค่อยหลับ ไม่ทราบว่าเกิดจากการทานอาหารหรือไม่

           A : หากไม่นับรวมความเครียดหรือความฟุ้งซ่านก่อนนอน อาหารก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้คุณนอนหลับยากเหมือนกัน การทานอาหารที่จะทำให้คุณนอนหลับสบายคือ อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ในแต่ละวันคุณควรจะได้รับอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งจากข้าว มันเทศเผือก กลอย ถั่วต่าง ๆ ผลไม้ ขนมปังโฮลวีท และผลิตภัณฑ์โฮลเกรนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนินที่ทำให้หลับสบาย และเพิ่มเติมด้วยการดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอน ก็สามารถช่วยกระบวนการนอนหลับของคุณง่ายยิ่งขึ้น เพราะจากผลการวิจัยพบว่า เมลาโทนินที่มีในนมวัวเป็นสารที่ช่วยในการนอนหลับของคุณที่ดีมาก 

          สำหรับคนนอนหลับยากควรงดกาแฟน้ำอัดลม ช็อกโกแลต ขนมขบเคี้ยว และทอฟฟี่ งดได้ก็ควรงดของพวกนี้ไว้ซะ เพราะกาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา มันทำให้คุณนอนหลับได้ยากมากขึ้น แนะนำให้ดื่มชาคาโมมายด์อุ่น ๆ แทนกาแฟ เพื่อให้ร่ายกายคุณสดชื่นและนอนหลับได้อย่างมีความสุข

 Q: ห้องนอนของเรามีผลต่อการนอนหลับหรือไม่

           A : แน่นอน ห้องนอนของคุณมีผลต่อคุณโดยตรง หากห้องนอนของคุณมีแสง หรือเสียงที่รบกวนสมาธิ มันก็ทำให้นอนไม่หลับได้ พยายามจัดบรรยากาศห้องนอนให้มืดสนิทเพื่อไม่ให้แสงรบกวนเวลานอน กรณีที่มีแสงส่องเข้ามาทางหน้าต่างก็ควรใช้ผ้าปิดตา เรื่องของอุณหภูมิที่ห้องนอนของคุณ หากร้อนจนเกินไปจะทำให้เกิดการกระสับกระส่ายและเหงื่อออก ปัญหาพวกนี้ทำให้รำคาญใจจนคุณนอนหลับไม่สนิท ส่วนความหนาวเกินไปก็ยากที่จะข่มตาให้หลับลง แก้ปัญหาด้วยการปรับอุณหภูมิห้องให้พอดีกับที่คุณรับได้ ไม่ควรร้อนหรือหนาวจนเกินไป และการฉีดสเปรย์ปรับกลิ่นในห้องก็สามารถทำให้การนอนหลับของคุณทำได้ง่ายขึ้น

 Q: ขอเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำให้นอนหลับง่ายยิ่งขึ้น

           A : วิธีเบสิกที่เราจะเห็นคนสูงอายุมักจะออกกำลังกายในช่วงเย็นนั้นใช้ได้ การออกกำลังกายเรียกเหงื่อเบา ๆ ในช่วงหัวค่ำมันทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยและหลับง่ายขึ้น หรือจะเป็นการอาบน้ำอุ่น ฟังเพลงสบาย ๆ หรือยืดเส้นยืดสายจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟินทำให้คลายเครียดและนอนหลับได้ดี และที่สำคัญพยายามเข้านอนช่วง 4 ทุ่มและตื่นเช้า เพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ และจะทำให้เวลานอนของคุณเป็นระเบียบมากขึ้นกว่าเดิม
บทความดีๆ จาก http://health.kapook.com/view53666.html