โดย รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์
อาการปวดหลังในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยมาก แม้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงแต่ก็สร้างความวิตกกังวลให้กับคุณแม่ไม่น้อย คุณแม่หลายคนพยายามรักษาอาการปวดหลังของตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ มากมายแตกต่างกันไป...
อาการปวดหลังในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยมาก ถ้าจะกล่าวว่าเมื่อมีการตั้งครรภ์คุณแม่แทบทุกคนก็จะต้องมีอาการปวดหลังเสมอก็ไม่น่าจะผิดนักหรอกครับ อาการปวดหลังที่ว่าจะเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการไม่ว่าจะเป็นอายุครรภ์ อาชีพการงานที่ทำ อายุของคุณแม่ รวมทั้งนิสัยส่วนตัวบางประการของคุณแม่ด้วย ส่วนมากแล้วอาการปวดหลังเป็นเรื่องไม่รุนแรงและไม่จำเป็นต้องให้การดูแลรักษาอะไรมากนัก แต่ก็มีคุณแม่บางรายที่อาการปวดหลังเป็นมากจนคุณหมอจำเป็นต้องรับไว้ในโรงพยาบาล
กระดูกและข้อกับการปวดหลัง
กระดูกของคนเรามีมากมายหลายชิ้นประกอบกันเป็นโครงสร้างของร่างกาย กระดูกแต่ละชิ้นที่ร่วมกันทำงานไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตรงแต่จะยึดติดกันหรือต่อกันโดยใช้กล้ามเนื้อหรือเอ็นเป็นตัวช่วย กระดูกในบางส่วนของร่างกายที่ใช้ในการเคลื่อนไหวค่อนข้างจะไม่ยึดติดกัน เพียงแค่มาชนกันแล้วมีกล้ามเนื้อและเอ็นมายึดไม่ให้หลุดออกจากกัน เช่น กระดูกบริเวณข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า ในขณะที่กระดูกบางส่วน เช่น กระดูกสันหลังหรือกระดูกเชิงกรานที่มีการยึดติดกันแน่นหนากว่า ทำให้มีการขยับหรือเคลื่อนไหวได้น้อยกว่า การยึดกันของกระดูกสันหลังคล้ายกับการเรียงอิฐเป็นชั้นๆ โดยระหว่างอิฐแต่ละก้อนที่เรียงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แทรกด้วยปูน อิฐแต่ก้อนก็คือกระดูกสันหลังแต่ละชิ้น และปูนที่แทรกระหว่างอิฐก็คือเอ็นหรือเนื้อเยื่อที่แทรกทำหน้าที่เป็นหมอนรองกระดูกนั่นเอง ส่วนกระดูกเชิงกรานของคนเรา มีรูปร่างเหมือนกับขันน้ำที่ก้นรั่ว โดยตัวกระดูกเชิงกรานสร้างขึ้นมาจากการประกอบกันของกระดูกหลายชิ้นมายึดตืดกันแน่นโดยอาศัยเอ็นยึดกระดูก
เมื่อมีการตั้งครรภ์ ทั้งตัวลูกในครรภ์ รก และตัวคุณแม่เองจะมีการร่วมมือกันในการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาหลายชนิดเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ มากมาย หนึ่งในหน้าที่เหล่านั้นก็คือจะทำให้ข้อต่อของกระดูกและข้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายหลวมและหย่อนตัวลง กระดูกสันหลังที่เคยยึดกันแน่นก็จะหลวมขึ้นทำให้ขยับง่ายขึ้น กระดูกเชิงกรานที่เคยยึดกันแน่นก็จะคลายออก ทำให้เชิงกรานหลวมขึ้นและกระดูกมีการขยับได้เล็กน้อยเหมือนกับเราคลายน๊อตที่ยึดเหล็กหรือไม้สองชิ้นไว้ด้วยกัน การที่ร่างกายมีการปรับตัวเช่นนี้ขณะตั้งครรภ์ เชื่อว่าเพื่อให้เชิงกรานขยายตัวได้มากขึ้น จะได้ช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์คลอดออกมาได้แม้ว่าขนาดจะใหญ่ไปสักนิดก็ตาม ส่วนการที่กระดูกสันหลังหลวมขึ้น ก็เพื่อที่จะให้สามารถขยับเพื่อแอ่นหลังได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยในการปรับสมดุลในการรับน้ำหนักของมดลูกและทารกในครรภ์ที่โตขึ้นทุกวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำไม...ปวดหลัง ?
จากผลของกระดูกและข้อที่มีการขยายตัว หลวมขึ้น และกล้ามเนื้อหย่อนตัว หรือรวมๆ กันทุกอย่าง ผลก็คือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็จะต้องมีการปรับตัวในการยืน เดิน ทำกิจกรรมต่างๆ ค่อนข้างมาก
เนื่องจากข้อเข่าและข้อกระดูกสันหลังหลวมมากขึ้น แม้จะเพียงแค่ยืนเฉยๆ คุณแม่ก็จำเป็นต้องเกร็งขามากกว่าปกติ มิฉะนั้นก็อาจจะล้มได้ง่ายๆ ผลดังกล่าวเลยทำให้มีการเกร็งของกล้ามเนื้อขา ทำให้ปวดขาหรือตะคริวกินขาได้ ยิ่งถ้าต้องยืนนานๆ การเกร็งขาก็ยิ่งต้องทำมากขึ้น ก็จะยิ่งปวดขามากขึ้นตามไปด้วย อาการปวดขาสามารถเกิดขึ้นได้แม้ตั้งครรภ์เพียงไม่กี่เดือน เมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินต่อไป ท้องที่โตขึ้นทุกวันก็จะทำให้คุณแม่ต้องแบกน้ำหนักมากขึ้นทุกวันเช่นเดียวกัน เนื่องจากข้อหลังมีการหลวมตัวขึ้น คุณแม่ที่ครรภ์แก่พอสมควรจึงมักจะต้องยืนหรือเดินแอ่นหลังกันโดยไม่รู้ตัว เวลาผมมองดูคุณแม่กลุ่มนี้ที่เดินมาฝากครรภ์กันเป็นกลุ่มๆ บางครั้งก็รู้สึกน่ารักดีนะครับเหมือนจิงโจ้แบกลูกที่ใส่ไว้ในถุงหน้าท้องอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ การที่คุณแม่ต้องแอ่นหลังก็เพื่อป็นการปรับสมดุลของร่างกายสู้กับน้ำหนักของท้องที่โตขึ้นและทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้า ผลของการต้องแอ่นหลังนานๆ ย่อมทำให้ปวดหลังอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณแม่ที่ท้องแก่เกือบทุกรายจึงมีอาการปวดหลังเสมอโดยไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นครับ คุณแม่บางรายแม้ว่าจะตั้งครรภ์ก็ยังต้องทำงาน คุณแม่พวกนี้น่าสงสารครับ
เพราะแค่รับน้ำหนักลูกในท้องก็หนักหนาสาหัสพอแล้ว ยิ่งมาต้องทำงานขณะตั้งครรภ์ด้วยก็จะยิ่งทำให้ปวดขาและปวดหลังมากยิ่งขึ้นไปอีก งานที่ทำให้คุณแม่ปวดหลังมากยิ่งขึ้น ส่วนมากเป็นงานที่ทำให้คุณแม่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้นหรือรับน้ำหนักอยู่นานๆ เช่นงานในตัวอย่างของคนไข้ทั้งหลายที่ผมยกตัวอย่างให้ดูนั่นแหละครับ
เทคนิคบรรเทาอาการปวดหลัง
อย่างที่ผมเรียนแล้วว่าอาการปวดหลังเป็นปัญหาที่คุณแม่เกือบทุกคนต้องประสบพบเจออยู่แล้ว จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับคุณแม่แต่ละคน เนื่องจากความแตกต่างในเรื่องของอายุ อายุครรภ์ อาชีพการงานและนิสัยส่วนตัว ซึ่งผมมีข้อแนะนำที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ในการบรรเทาอาการปวดหลังมาฝากดังนี้ครับ
ก่อนที่จะนั่ง ยืน เดิน หรือเคลื่อนไหวประการใด ขอให้ทำด้วยความระมัดระวังเสมอ ถ้ายังคงต้องทำงานที่ต้องยืนนาน นั่งนาน หรือยกของหนัก ขอให้หาเวลาพักให้มากขึ้นกว่าตอนที่ไม่ตั้งครรภ์นะครับ
หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง ควรใส่รองเท้าที่ส้นเตี้ยๆ ถ้าจะให้ดี ควรเป็นรองเท้าที่พื้นรองเท้ามีความโค้งรับพอดีกับความโค้งของฝ่าเท้า .
หลีกเลี่ยงการยกของหนักทุกชนิดขณะตั้งครรภ์ ควรขอร้องให้คนอื่นช่วยยกจะดีกว่า
เวลานั่ง ควรนั่งให้หลังตรง และควรนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิง โดยพยายามนั่งให้สะโพก ไหล่ หลังชิดพนักพิงและถ้าทำได้ ควรหาหมอนใบเล็กๆ มารองบริเวณบั้นเอวและต้นคอ จะทำให้สบายขึ้น
เวลานอน ควรนอนบนที่นอนที่ไม่อ่อนนุ่มเกินไป เพราะทำให้หลังงอและปวดหลังได้ ถ้าที่นอนอ่อนนุ่มเกินไปควรเปลี่ยน หรือหากระดานแข็งๆ มารองระหว่างตัวสปริงกับตัวเบาะที่นอน ควรนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งโดยเอาหมอนใส่ไว้ระหว่างขาเพื่อเป็นตัวช่วยหนุนขา
เวลายืน อย่ายืนนานๆ ควรสลับไปนั่งหรือนอนบ้างก็จะดี ถ้าต้องยืนนานๆ ควรยกขาข้างหนึ่งยืนบนกล่องหรือเก้าอี้รองเท้า
วิธีรักษา
ในกรณีที่คุณแม่มีการปฎิบัติตัวอย่างถูกวิธีแล้วแต่อาการปวดหลังก็ยังไม่ดีขึ้น สิ่งที่ผมคิดว่าคุณแม่ควรจะทำก็คือการพักผ่อนที่เพียงพอโดยเฉพาะการนอนพักที่มากพอ จะช่วยให้อาการปวดหลังบรรเทาลงได้ดีกว่าสารพัดวิธีที่พยายามนำมารักษาอาการปวดหลังในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่ผมดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์จำนวนไม่น้อย พบว่าข้อแนะนำที่ว่านี้ไม่ค่อยมีประโยชน์
บทความดีๆ จาก http://www.hiso.or.th/hiso5/healthy/news6_31.php
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น