คุณแม่ยุคก่อน
แทบจะเรียกได้ว่าใช้แป้งเด็กกับลูกเป็นสรณะ ทั้งใช้เมื่ออาบน้ำเสร็จ
เวลาลูกมีผดผื่น เปียกชื้น ปะแป้งที่หน้าให้ดูน่ารัก
แต่คุณแม่ยุคใหม่ปัจจุบันดูจะลดความสำคัญกับแป้งฝุ่นลงไป
เพราะแพทย์ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า
"แป้งทาตัวเด็กส่วนใหญ่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกวัย"
เนื่องจากแป้งทาตัวเด็กที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไปผลิตจากแร่หินชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ทัลค์ (Talc) หรือเรียกว่า แป้งทัลคัม (Talcum Powder) ผลิตโดยการนำหินทัลคัมมาโม่ให้ละเอียด อบให้แห้ง ฆ่าเชื้อและแยกสิ่งแปลกปลอมออก แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดว่าทัลคัมมีคุณสมบัติเหมือน แอสเบสตอส (Asbestos) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ไม่สามารถจัดจำพวกได้ก็ตาม แต่ภัยร้ายของทัลคัมคือ เมื่อสูดดมทัลคัมเข้าไปในปริมาณมาก มีผลต่อร่างกาย เช่น ปอด เพราะอาจทำให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด ระบบทางเดินหายใจติดขัดอย่างรุนแรง อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของภูมิแพ้ เนื่องจากแป้งทัลคัมไม่สามารถย่อยสลายได้ และนักวิทยาศาสตร์พบว่า ผู้หญิงที่ใช้แป้งกับอวัยวะเพศเพื่อลดการอับชื้น มีอัตราเสี่ยงจากการจะเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้น โดยอาจเป็นไปได้ที่แป้งสามารถหลงเข้าไปในร่างกายผ่านช่องคลอด มดลูกและท่อนำไข่เข้าไปสู่ช่องท้อง
รศ.ดร.ไสยวิชญ์ วรวินิต ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีแป้ง และนักเทคโนโลยีดีเด่นของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี 2549 ได้ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสารทัลคัมว่า "...แป้งฝุ่นโดยทั่วไปทำจากสารทัลคัม ซึ่งมีชื่อทางเคมีว่า Magnesium Silicate Hydroxide แม้ไม่อาจทำให้เกิดการตกค้างจากการใช้ผลิตภัณฑ์ในระยะเวลาสั้นก็ตาม แต่เนื่องจากหินแร่ทัลคัมไม่สามารถย่อยสลายเองได้ด้วยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ หากสูดเข้าไปทีละเล็กละน้อยเป็นเวลานานๆ เกิดการสะสมในปอด โดยที่เซลส์บุผิวปอดจะดักจับแป้งไว้เป็นก้อน ทำให้มีปัญหากับการหายใจ ถ้าเป็นเด็กทารกก็อาจทำให้ปอดอักเสบ เกิดเป็นโรคเนื้องอกในปอดและเสียชีวิตได้"
"รศ.ดร.ไสยวิชญ์" ยังกล่าวต่อว่า "เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในการใช้แป้ง "ทัลคัม" แพทย์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้แป้งทาตัวเด็กที่มีส่วนผสมของทัลคัม และผู้ผลิตชั้นนำได้หันมาเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ แป้งข้าวโพด เพื่อทดแทนแร่หินทัลค์ (Talc)" และในปัจจุบันมีความนิยมใช้แป้งเด็กที่ทำมาจาก แป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ (Rice Starch) กันมากขึ้น เนื่องจากมีความปลอดภัยมากกว่าแป้งทัลคัม เพราะเป็นสารอินทรีย์ ทำให้สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติ ไม่เกิดการสะสมในปอดหรือใต้ร่มผ้า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และลดความเสี่ยงจะก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ ยังปกป้องลูกน้อยจากผื่นคัน เพราะมีคุณสมบัติป้องกันความเปียกชื้นและการดูดซับไขมันสูงกว่าทัลคัม"
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ไทยได้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ แบรนด์ "ไรซ์แคร์" ซึ่งมีเนื้อแป้งที่ขาวเนียน ละเอียดอ่อน ช่วยดูดซับความเปียกชื้น ที่สำคัญปราศจากส่วนผสมของแป้งทัลคัม เพราะผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่ผ่านกระบวนการผลิตและฆ่าเชื้อด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย จึงสะอาดปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางของเด็ก ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และเนื่องจากแป้งชนิดนี้ทำจากข้าวซึ่งเป็นสารอินทรีย์ จึงทำให้สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติของร่างกาย จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้ จนได้รับรางวัล 1 ใน 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2549
เนื่องจากแป้งทาตัวเด็กที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไปผลิตจากแร่หินชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ทัลค์ (Talc) หรือเรียกว่า แป้งทัลคัม (Talcum Powder) ผลิตโดยการนำหินทัลคัมมาโม่ให้ละเอียด อบให้แห้ง ฆ่าเชื้อและแยกสิ่งแปลกปลอมออก แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดว่าทัลคัมมีคุณสมบัติเหมือน แอสเบสตอส (Asbestos) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ไม่สามารถจัดจำพวกได้ก็ตาม แต่ภัยร้ายของทัลคัมคือ เมื่อสูดดมทัลคัมเข้าไปในปริมาณมาก มีผลต่อร่างกาย เช่น ปอด เพราะอาจทำให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด ระบบทางเดินหายใจติดขัดอย่างรุนแรง อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของภูมิแพ้ เนื่องจากแป้งทัลคัมไม่สามารถย่อยสลายได้ และนักวิทยาศาสตร์พบว่า ผู้หญิงที่ใช้แป้งกับอวัยวะเพศเพื่อลดการอับชื้น มีอัตราเสี่ยงจากการจะเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้น โดยอาจเป็นไปได้ที่แป้งสามารถหลงเข้าไปในร่างกายผ่านช่องคลอด มดลูกและท่อนำไข่เข้าไปสู่ช่องท้อง
รศ.ดร.ไสยวิชญ์ วรวินิต ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีแป้ง และนักเทคโนโลยีดีเด่นของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี 2549 ได้ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสารทัลคัมว่า "...แป้งฝุ่นโดยทั่วไปทำจากสารทัลคัม ซึ่งมีชื่อทางเคมีว่า Magnesium Silicate Hydroxide แม้ไม่อาจทำให้เกิดการตกค้างจากการใช้ผลิตภัณฑ์ในระยะเวลาสั้นก็ตาม แต่เนื่องจากหินแร่ทัลคัมไม่สามารถย่อยสลายเองได้ด้วยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ หากสูดเข้าไปทีละเล็กละน้อยเป็นเวลานานๆ เกิดการสะสมในปอด โดยที่เซลส์บุผิวปอดจะดักจับแป้งไว้เป็นก้อน ทำให้มีปัญหากับการหายใจ ถ้าเป็นเด็กทารกก็อาจทำให้ปอดอักเสบ เกิดเป็นโรคเนื้องอกในปอดและเสียชีวิตได้"
"รศ.ดร.ไสยวิชญ์" ยังกล่าวต่อว่า "เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในการใช้แป้ง "ทัลคัม" แพทย์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้แป้งทาตัวเด็กที่มีส่วนผสมของทัลคัม และผู้ผลิตชั้นนำได้หันมาเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ แป้งข้าวโพด เพื่อทดแทนแร่หินทัลค์ (Talc)" และในปัจจุบันมีความนิยมใช้แป้งเด็กที่ทำมาจาก แป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ (Rice Starch) กันมากขึ้น เนื่องจากมีความปลอดภัยมากกว่าแป้งทัลคัม เพราะเป็นสารอินทรีย์ ทำให้สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติ ไม่เกิดการสะสมในปอดหรือใต้ร่มผ้า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และลดความเสี่ยงจะก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ ยังปกป้องลูกน้อยจากผื่นคัน เพราะมีคุณสมบัติป้องกันความเปียกชื้นและการดูดซับไขมันสูงกว่าทัลคัม"
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ไทยได้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ แบรนด์ "ไรซ์แคร์" ซึ่งมีเนื้อแป้งที่ขาวเนียน ละเอียดอ่อน ช่วยดูดซับความเปียกชื้น ที่สำคัญปราศจากส่วนผสมของแป้งทัลคัม เพราะผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่ผ่านกระบวนการผลิตและฆ่าเชื้อด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย จึงสะอาดปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางของเด็ก ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และเนื่องจากแป้งชนิดนี้ทำจากข้าวซึ่งเป็นสารอินทรีย์ จึงทำให้สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติของร่างกาย จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้ จนได้รับรางวัล 1 ใน 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2549
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น